วันนี้ (22 ตุลาคม 2562) นายประเวศ หมีดเสน ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และกิจการพิเศษ ศอ.บต. พร้อมด้วย นางอลิสรา มะแซ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและพบปะเยาวชนที่อาศัยกับครอบครัวอุปถัมภ์ ในโครงการ สานใจไทย สู่ใจใต้ รุ่น36 ที่จังหวัดปทุมธานีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายอารีย์ วงศ์อารยะ รองประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นประธานในพิธีเยี่ยมและพบปะ ทั้งนี้มีหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ร่วมให้การต้อนรับ
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รองประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยที่ได้ให้การสนับสนุนโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้มาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงครอบครัวอุปถัมภ์ที่มีหน้าที่ดูแล ให้ความรู้ ประสบการณ์ในการดูแลชีวิต วิถีความเป็นร่วมกัน ภายใต้สังคม พหุวัฒนธรรม สามารถเข้าใจซึ่งกันและกัน แก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าเราจะมีความเชื่อ ความศรัทธาที่แตกต่างกัน แต่ก็ทำให้เราไม่คำนึงถึงเรื่องของศาสนา และนอกจากนี้ซึ่งโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ เราถือว่าครอบครัวอุปถัมภ์คือหัวใจที่สำคัญที่ทำให้เยาวชนเกิดความรัก ความผูกพันธ์เสมือนเป็นสายเลือดเดียวกัน สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดองต่อไป
นางอำนวย ลอยละมัย หนึ่งในครอบครัวอุปถัมภ์ ได้กล่าวถึงความรู้สึกในครั้งนี้ว่า รู้สึกผูกพันกับลูกๆ เยาวชนที่มาอยู่กับเราเป็นอย่างมาก ในการใช้ชีวิตนั้นเราได้เลี้ยงดูตามวิถีชีวิตบ้าน ๆ ไม่มีการแยกแยะว่าไหนลูกตัวเองหรือลูกของใคร มีการอบรมสั่งสอน เปรียบเสมือนเป็นสายเลือดเดียวกันโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก ทำให้เราได้มาเรียนรู้วัฒนธรรมระหว่างภาคใต้และภาคกลาง อีกด้วย
ด้านนายอรรถกร แซ่โถว เยาวชนโครงการฯ เปิดเผยว่า ตนดีใจที่ได้มาอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ตนเป็นเยาวชนที่นับถือศาสนาคริสต์ แต่ต้องมาอาศัยกับครอบครัวอุปถัมภ์ที่นับถือศาสนาพุทธ จึงได้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่หลากหลาย ทำให้ตนรู้ว่าไม่ว่าศาสนาไหนก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ และครอบครัวที่ตนได้อาศัยอยู่ด้วยนั้นมีอาชีพขายข้าวแกง ตนได้ช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ผมทำได้ อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ จังหวัดปทุมธานี ได้เข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” มาอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นที่ 36 ซึ่งมีเยาวชนจำนวนทั้งสิ้น 29 คน 13 ครอบครัวและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีเยาวชน จำนวน 29 คน 15 ครอบครัว และรวมระยะเวลา 15 วัน ทำให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯได้รับทราบ และเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ วิถีชีวิตของครอบครัวต่างศาสนิก ที่นับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาพุทธ และศาสนาคริสต์สามารถอยู่ร่วมกันได้ รวมถึงยังเป็นการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ให้เยาวชนให้สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวัน เมื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ต่อไป
119 total views, 1 views today