ศอ.บต. และกอ.รมน.ภาค 4 สน. จับมือ ภาคเอกชน ปูพรมแจกจ่ายฟ้าทะลายโจร – กระชาย และถุงยังชีพ ในพื้นที่ 4 จชต.เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการยับยั้งโควิด – 19

วันนี้ ( 23 ตุลาคม 2564 ) ที่ หน้าอาคาร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย พลตรี อุทิศ อนันตนานนท์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมเป็นประธานรับมอบ ฟ้าทะลายโจร จำนวน 5,000 ขวด และ กระชายขาว จำนวน 3,000 ขวด ที่ได้รับการสนับสนุนจาก พระราชรัตนาลงกรณ์ รศ.ดร. เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย รักษาการ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ดร.ธนัท เชียวชาญอักษร บริษัท ธนัทเฮิร์บ และ เนชั่นทีวี ซึ่งมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่ยังคงระบาดหนักและมีจำนวนตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากนั้น เลขาธิการ ศอ.บต. และรองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบให้ ศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ เพื่อลงพื้นที่นำฟ้าทะลายโจร กระชายขาว และถุงยังชีพ จำนวน 500 ชุด ไปมอบให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 72 ตำบล 37 อำเภอ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา

เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า จากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ได้ช่วยกันอย่างเต็มที่ในการดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด – 19 ซึ่งภายหลังนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้จัดตั้ง ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด – 19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือเรียกว่า ศบค. ส่วนหน้า โดยมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ฯ ได้ระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนประชุมหารือ เพื่อช่วยเหลือและยับยั้งโควิด – 19 ในพื้นที่โดยเร็ว คาดว่าในช่วง 2-3 เดือนนี้ในพื้นที่ภาคใต้สถานการณ์น่าจะกลับมาดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ขอบคุณภาครัฐและภาคเอกชน รวมไปถึงสื่อมวลชนในพื้นที่ ที่มีน้ำใจช่วยเหลือกัน เชื่อว่าหากภารกิจนี้สำเร็จพี่น้องประชาชนจะรู้สึกขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกันศอ.บต.กำลังดำเนินการเยียวยาผู้ประกอบการในภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบ หรือขาดสภาพคล่อง และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ ภาครัฐกำลังเร่งดำเนินการ เพราะถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าธุรกิจไม่เดิน การผลิตขั้นต้นเราก็จะไปต่อไม่ได้แน่นอน

ด้านนางสาวรอกีเยาะ อาบู ประธานศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ตนขอบคุณภาครัฐถึงความรู้สึกห่วงใยที่มีต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสคลุกคลีกับชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้เห็นว่าชาวบ้านยังคงต้องการอาหารและยาเป็นจำนวนมาก เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันภาครัฐก็ไม่เคยทอดทิ้งและยังคงดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องและสุดความสามารถต่อไป