Select Page

3 ฝ่าย ผนึกกำลัง แถลงผลการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง ในพื้นที่ จชต.

วันนี้ (26 มีนาคม 2567) พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และพล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9/รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า ร่วมแถลงข่าว ผลการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุมยะลารวมใจ ชั้น 2 ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า

พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า ศอ.บต. มีหน้าที่ตรงในการดูแลช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและได้กำหนดแนวทางตามหลักเกณฑ์และระเบียบที่ชัดเจนผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) โดยมีการแบ่งการเยียวยาออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.การเยียวยากลุ่มผู้ที่ถูกกระทำจากการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนทำให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ เสียชีวิต ตลอดจนทรัพย์สินเสียหาย โดยบูรณาการทำงานเยียวยาร่วมกับทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่มีหลักเกณฑ์ในการให้ความช่วยเหลือที่ชัดเจนและได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง2.กลุ่มผู้ได้รับความเสียหายและได้รับผลกระทบ จากการกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐอันสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมถึงการบาดเจ็บ พิการ เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งเป็นส่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการอำนวยความเป็นธรรมและยุติธรรมตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของประเทศไทยที่กำหนดไว้ว่า “หากผู้ที่กระทำผิดยังไม่ถูกพิพากษาลงโทษจากศาลยุติธรรมให้สันนิฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” จะต้องได้รับสิทธิต่าง ๆ ตามกฎหมายที่ควรจะได้รับ เหล่านี้เป็นหลักเกณฑ์ทั้งหมดที่รัฐบาลได้มีการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ได้รับสิทธิที่ถูกต้องครบถ้วน และเป็นธรรม

ด้านพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า นโยบายการติดตามบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ว่า “การปฏิบัติที่ผ่านมาในทุกกรณีที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีการบังคับใช้กฎหมาย ได้มีการเน้นย้ำหน่วยทุก ๆ ครั้ง ในการปฏิบัติ ในเรื่องของการปฏิบัติตามหลักของกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน โดยให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ไม่ละเลยต่อการปฏิบัติ ไม่นิ่งนอนใจ ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยได้เน้นย้ำเสมอในเรื่องของการเจรจาเป็นหลัก ในการติดตามบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ โดยมีการสนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย รวมไปถึงการเชิญผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา เข้ามา มีส่วนร่วมในการเจรจา เกลี้ยกล่อม ต่อผู้ก่อเหตุรุนแรง จากการบังคับใช้กฎหมายในทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา ไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสีย แต่ต้องการที่จะเห็นความร่วมมือกันเพื่อที่จะให้ผู้ก่อเหตุรุนแรง ได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และเน้นย้ำหน่วยปฏิบัติทุกหน่วยเสมอ ว่าไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสีย ในส่วนของมาตรการในการควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัยได้จัดกำลังจรยุทธ์กระจายในทุกพื้นที่ เน้นพื้นที่เสี่ยงและชุมชนล่อแหลมเป็นสำคัญ ป้องกันการก่อเหตุหรือตอบโต้จากผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งขั้นตอนการปฏิบัติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พูดคุยและสร้างความเข้าใจ แก่ครอบครัว และญาติของผู้ต้องสงสัยให้ทราบ ถึงขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด อย่างไรก็ตามกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าได้มีการประชาสัมพันธ์เน้นย้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคดีต่าง ๆ ได้เคยปรากฏให้เห็นถึงบทลงโทษมาแล้วหลายๆครั้ง ขั้นตอนของการเผยแพร่อาจจะต้องใช้เวลา เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่ถูกต้องจริงๆ

ขณะที่พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้รายงานความคืบหน้าในคดีที่สำคัญในห้วงที่ผ่านมาและระบุด้วยว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ปฏิบัติโดย ยึดหลักสิทธิมนุษยชน นิติธรรม นิติรัฐ บังคับใช้กฎหมายด้วยความเสมอภาค โดยการรวบรวมพยานหลักฐาน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และการพิจารณาในชั้นศาลทุกคดี

 26 total views,  5 views today

ศอ.บต. จับมือ..พร้อมสานต่อความร่วมมือ หนุนการขับเคลื่อนงาน กระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยและออสเตรเลีย

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวนการบริหารจังหวัดชาแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับ ดร.แองเจลา แมคโดนัลด์ (Dr. Angela Macdonald) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ถนนวิทยุ กรุงเทพมหานคร

โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่ดีขึ้น และสานต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยและ ศอ.บต.

ทั้งนี้ฝ่ายออสเตรเลียได้ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยการหารือข้อราชการในครั้งนี้นับเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยและออสเตรเลียให้มีความแน่นแฟ้นอันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนความร่วมมือในสาขาอื่นๆ ให้มีความก้าวหน้าต่อไป

 31 total views,  4 views today

เยียวยาเหตุไม่สงบชายแดนใต้คืบหน้า…อยู่ในขั้นประเมินค่าทรัพสินย์เสียหาย เลขาฯศอ.บต. เผย รัฐบาล มั่นใจ!!! เดินหน้าแก้ปัญหาถูกทาง

พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยถึงความความคืบหน้าสำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดสงขลาที่เกิดขึ้น รวม 25 อำเภอ 48 จุด ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก ล่าสุดได้ผ่านการรับรองทั้ง 3 ฝ่ายตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการประเมินค่าทางด้านทรัพย์สิน โดยมีอำเภอได้เข้าไปดำเนินการประมวลผล เพื่อสำรวจมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องและครบถ้วน โดยจะมีกรอบการดำเนินการตามระเบียบหลักเกณฑ์ ในระยะเวลาตามระเบียบไม่เกิน 2 สัปดาห์ และสามารถขยายเวลาได้ หากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้หากมีความจำเป็นที่จะต้องขยายเวลานั้นจะต้องดำเนินการเยียวยาไปก่อน 50% เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน อยากให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่าภาครัฐไม่นิ่งนอนใจได้มีการระดมความร่วมมือทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วนและดีที่สุด

เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยอีกว่า รัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาสถานการณ์ในพื้นที่มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งเมื่อเหตุการณ์ดีขึ้นอาจจะเป็นเหตุผลที่กลุ่มผู้ก่อเหตุความรุนแรงจะมีการโต้ตอบเพื่อสร้างสถานการณ์ให้แย่ลง แต่รัฐบาลมั่นใจว่าไม่เป็นผลอย่างแน่นอนและยิ่งเชื่อมั่นว่าการดำเนินการที่ผ่านมา เราเดินมาถูกทางแล้วในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นและให้ความสำคัญในการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆในพื้นที่เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีขึ้นด้วย

 37 total views,  3 views today

ศอ.บต. เดินหน้าเยียวยาครอบครัวนางเมี้ย เมี้ย โซ ชาวเมียนมาร์ เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความสงบในพื้นที่ จ.ปัตตานี

เมื่อวานนี้ 25 มีนาคม 2567 เวลา 13.00 น. ที่ วัดแหลมนก ตำบลบานา อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. มอบหมายให้ นางสาวเยาวภา อินชะนะ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นางเมี้ย เมี้ย โซ อายุ 28 ปี สัญชาติ เมียนมาร์ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 01.30 น. เหตุระเบิดบริเวณปั้มน้ำมัน ปตท. ที่กำลังก่อสร้าง หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะจัน อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี โดยมี เจ้าหน้าที่เยียวยา ศอ.บต. ตลอดจนหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดปัตตานี ผู้แทนจากสำนักงานประกันสังคม สำนักงานแรงงาน สำนักงานจัดหางานจังหวัดปัตตานี และประชาชนชาวเมียนมาร์ที่อยู่ในพื้นที่เข้าร่วมในพิธี

สำหรับ นางเมี้ย เมี้ย โซ ทำอาชีพรับจ้างก่อสร้าง เป็นแรงงานต่างด้าวถูกต้องตามกฎหมาย เข้ามาทำงานได้ 2 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ ที่ได้เข้ามาทำงานในประเทศไทยประมาณ 10 ปี และมีพี่น้องจำนวน 4 คน เป็นบุตรคนที่ 2 บิดามารดายังมีชีวิตอยู่ที่เมียนมาร์ รัฐยะไข่ ในการนี้ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดปัตตานี ได้มอบเงินช่วยเหลือ กรณีผู้เสียชีวิต เป็นเงินจำนวน 50,000 บาท ส่วนเงินช่วยเหลือเยียวยากรณีเสียชีวิตเป็นเงิน 500,000 บาท โดยจะมอบให้แก่ทายาท บิดา และมารดา ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้รัฐบาล โดย ศอ.บต. เร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบต
ามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาฯ ถึงแม้ผู้ประสบเหตุจะเป็นชาวต่างชาติ ทางรัฐบาลก็จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และดูแลประชาชนที่อาศัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเท่าเทียม

อย่างไรก็ตาม ศอ.บต. ยังคงร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว ที่จะเกิดประโยชน์รอบด้านในทุกมิติ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกระดับ ทุกศาสนา สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลอย่างจริงใจ ที่จะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้คนไทยและชาวต่างชาติเห็นว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปลอดภัย และน่าท่องเที่ยว

 28 total views,  4 views today

สมศักดิ์ เทพสุทิน สั่งการ ศอ.บต. บูรณาการงาน เร่งรัดเยียวยาพื้นที่ จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ 48 จุด 25 อำเภอ

จากเหตุการณ์ความไม่สงบพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ได้เร่งสั่งการให้ ศอ.บต. ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาระดับอำเภอ ในพื้นที่เกิดเหตุ และคณะกรรมการประเมินความเสียหายด้านทรัพย์สินระดับจังหวัด เร่งรัดตรวจสอบ และประเมินความเสียหาย เพื่อเยียวยา และให้การช่วยเหลือโดยด่วน

นายสมศักดิ์ฯ กล่าวว่า “ผมได้รับรายงาน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 00.30 – 02.00 น. เกิดเหตุ คนร้ายลอบวางเพลิงร้านค้า อาคาร สถานประกอบการ เผาทรัพย์สิน กล้องวงจรปิด สายส่งสัญญาณโทรศัพท์ ยานพาหนะ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลา โดยความเสียหายประกอบด้วย บ้านเรือน ร้านค้า และสถานประกอบการ จำนวน 15 หลัง ยานพาหนะ 16 คัน ทรัพย์สินภายในร้าน และอื่นๆ ได้แก่ หัวจ่ายน้ำมัน 2 หัว กล้องวงจรปิด 1 ตัว ตู้ควบคุมเสาส่งสัญญาณ 1 ตู้ เสาไฟฟ้า 16 ต้น และ เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ 4 ต้น” โดยในขณะนี้ได้สั่งการให้ ศอ.บต. ร่วมกับจังหวัดและผู้มีส่วนที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ดำเนินการลงพื้นสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ณ บริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อประกอบการพิจารณาเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือต่อไป

จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี ชื่อ นางเมี้ย เมี้ย โซ เป็นชาวเมียนมาร์ ในเบื้องต้น ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และศอ.บต. ได้เข้าไปช่วยเหลือประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว ทั้งนี้ ศอ.บต. จะเร่งรัดดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา จำนวน 500,000 บาท ให้กับทายาทตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

 72 total views,  37 views today

เลขาธิการ ศอ.บต เผย เหตุคนร้ายป่วนพื้นที่ชายแดนใต้ 48 จุด ไม่ส่งผลดีต่อพื้นที่ พร้อมเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และเตรียมแผน กระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ฟื้นฟูและกลับมาเติบโตอีกครั้ง

จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงร้านค้า เผาทรัพย์สินกล้องวงจรปิด สายส่งสัญญาณโทรศัพท์ ยานพาหนะ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา รวม 25 อำเภอ กว่า 48 จุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา นั้น

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าว่า การก่อเหตุในครั้งนี้ไม่ส่งผลดีต่อพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ารัฐบาล ให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในมิติของการพัฒนา จะเห็นได้จากกรณีการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งท่านได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวในกิจกรรม “เที่ยวใต้ สุดใจ” (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทุกระดับ ทุกศาสนา และสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลอย่างจริงใจ ที่จะสร้างภาพจำใหม่ให้คนไทยและชาวต่างชาติเห็นว่า ”พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปลอดภัย น่าท่องเที่ยว” ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีท่านแรกที่ชวนคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ มาพักค้างคืนและร่วมทำกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบ กว่ส 20 ปี ทั้งยังได้สวมเสื้อผ้าลายผ้าอัตลักษณ์ท้องถิ่น 3 วัน 3 แบบ ซึ่งเป็นการส่งเสริม Soft Power รวมถึงการนำเสนออาหารการกิน และของใช้ที่หลากหลายรูปแบบจากผู้ประกอบการและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ ทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้น ถือว่าประสบความสำเร็จในการโปรโมท “เที่ยวใต้ สุดใจ” และแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่สังคมพหุวัฒนธรรมอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติ ถือว่ามาถูกทางและตอบโจทย์ เป็นการสร้างภาพจำให้เห็นว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ปลอดภัย น่าท่องเที่ยว ที่ได้รับการยอมรับและเกิดกระแสนิยมจากผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่อย่างแพร่หลาย สามารถลดช่องว่าง และเกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างเห็นผล

แต่ทั้งนี้กลุ่มผู้เห็นต่างพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวจากเหตุการณ์คนร้ายลอบระเบิด วางเพลิงร้านค้า เผากล้องวงจรปิดและทรัพย์สินของทางราชการ และก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิเช่น จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา ทำให้มุมมองและภาพรวมด้านเศรษฐกิจนั้นดูแย่ลง การเติบโตด้านเศรษฐกิจชะลอลง

เลขาธิการ ศอ.บต กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ศอ.บต.ได้เตรียมเร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาฯ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ฟื้นฟูกลับมาและเติบโตอีกครั้ง โดยมีกรอบนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจดังนี้ 1. เตรียมสนับสนุนให้นกกรงหัวจุกเป็นสัตว์เศรษฐกิจ เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว ไปพร้อมกับการพัฒนาแนวทางการเลี้ยงนกกรงหัวจุกอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่า 2. การพัฒนาและปรับปรุงแนวการค้าชายแดนให้มีโอกาสเติบโตทางด้านการค้ามากยิ่งขึ้น 3.ส่งเสริมเศรษฐกิจชายแดนใต้ให้เป็นเมืองคู่แฝด (Twin Town) กับประเทศมาเลเซีย

สำหรับการกระทำของกลุ่มผู้เห็นต่าง หรือกลุ่มผู้สร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินนั้น ไม่ได้เกิดประโยชน์กับฝ่ายใด อีกทั้งยิ่งทำให้มวลชนหันหลังให้และไม่ยอมรับกับแนวทางนี้

รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแสดงความจริงใจในการออกนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่าน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยจะร่วมมือกับทุกภาคส่วน ให้เห็นว่ารัฐบาลจะมุ่งมั่น เดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะเกิดประโยชน์อย่างรอบด้านในทุกมิติ ดังนั้น ศอ.บต.พร้อมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนหันมาร่วมเป็นพลังในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยโอกาสในการได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพเพื่อประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่การประเมิณความเสียหายและงบประมาณที่จะต้องนำไปเยียวยาพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นคงมีมุลค่าไม่น้อย แต่ถ้าหากได้นำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ พัฒนาพื้นที่ คง ทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจโตขึ้นอย่างมาก และส่งผลให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกคนมีความสุขอย่างยั่งยืนต่อไป

 56 total views,  2 views today